ตลาดหุ้นแดง for Dummies
ตลาดหุ้นแดง for Dummies
Blog Article
โดยสรุปสีของหุ้นปัจจุบันจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจมากขึ้นสถานการณ์ตลาด แต่ต้องรวมกับอื่น ๆเพื่อการตัดสินใจลงทุนที่แม่นยำมากขึ้น
แท็กที่เกี่ยวข้องจีนตลาดหุ้นสหรัฐหุ้นร่วงตลาดหุ้นหุ้นขึ้นตลาดหุ้นจีนสีเขียวสีแดงตลาดหุ้นญี่ปุ่นสีดัชนีหุ้นสวมหมวกสีเขียวเทศกาลเช็งเม้ง
เนื้อหาเหล่านี้ก็ถือเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของตลาดหุ้น โดยจะเห็นความแตกต่างระหว่าง ตลาดหุ้นทั่วโลกอันมีตลาดหุ้น “สหรัฐ” ที่ทรงอิทธิพลที่สุด ใช้สีเขียวที่หมายถึงการเกิดใหม่และราบรื่น แทนหุ้นขึ้น ส่วนสีแดงที่เหมือนสีเลือดและการเตือนภัย สะท้อนถึงภาวะหุ้นร่วง
การเมืองทันโลกทั่วไทยปากท้องไลฟ์สไตล์ - บันเทิงกีฬาต่างประเทศพระราชสำนักภัยพิบัติภูมิภาคไลฟ์สไตล์วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีศิลปะ - บันเทิงเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อมอาชญากรรม
จีนมีสำนวนสำคัญหนึ่ง คือ “ไต้ลวี่เม่า” (戴绿帽) ซึ่งแปลว่า “สวมหมวกสีเขียว” อันหมายถึง การโดนสวมเขาหรือถูกคนรักนอกใจ
สำหรับสีแดง ถือเป็นสีสากลที่หมายถึง “อันตราย” ดังจะเห็นจากป้ายเตือนภัยต่าง ๆ รถพยาบาล ห้องฉุกเฉิน รถดับเพลิง สัญญาณไฟจราจรสีแดง ขณะที่สีเขียว หมายถึง ปลอดภัย ผ่านได้สะดวก
สงครามทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทุกภูมิภาค แต่สำหรับตลาดหุ้นไทย นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น หรือไม่ ที่ทำให้หุ้นไทยแดงทั้งพอร์ต และทำไม?
“สีเขียว” กับความหมายในเทศกาลเช็งเม้ง
เท่านั้นยังไม่พอ แม้แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีน ก็ใช้ทั้งสองสีนี้ในทำนองเดียวกันกับตลาดหุ้นจีน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
"ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นบ้านเราคนเล่นหุ้นกันเยอะ ทุกคนเข้าไปแล้วสนุก เพราะว่าได้ผลตอบแทน แต่พอนานเข้า ปีแล้วปีเล่า เล่นไปเล่นมา ไม่เคยได้กำไรเลย ขาดทุนตลอด"
ตำรวจจับเขาได้คาหนังคาเขาขณะกำลังพยายามขโมยรถ ฯลฯ
สีแดง = หลักทรัพย์ปรับตัวลดลง โดยจะมีการไล่เฉดสีจากแดงอ่อนไปจนแดงเข้ม ตีความหมายได้ว่าสีอ่อนจะมี % การเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าสีเข้มนั่นเอง
สีของการซื้อขายหุ้นมักจะหมายถึงสีของการซื้อขายหุ้นปริมาณคือสีแดงและสีเขียว สีแดงหมายถึงปริมาณการซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้นขณะที่สีเขียวระบุว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นลดลง
คือ คนโกงเขาก็กล้าไง เพราะคดีมันง่าย ตามยาก read more here หลุดไปเยอะเหมือนกัน ฉะนั้น ผลตอบแทนสูงมาก แต่ความเสี่ยงที่จะถูกจับมันน้อย คุ้มที่จะเสี่ยง มีหลายคนพอเกิดคดีเสร็จก็หนีไปอยู่ต่างประเทศ